แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างเซอร์ไพรส์แมนยูฯ บุกเฉือนอาร์เซนอลถึงถิ่น ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 ด้วยการดวลจุดโทษสุดระทึก หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 โดย อัลไต บายินดีร์ ผู้รักษาประตูสำรอง กลายเป็นฮีโร่ของทีม
สรุปเหตุการณ์สำคัญที่แมนยูฯ บุกเฉือนอาร์เซนอลถึงถิ่น
- ครึ่งแรก: บรูโน่ แฟร์นันเดส ยิงให้แมนยูฯ ขึ้นนำอย่างรวดเร็วในช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้เกมกลับมามีชีวิตชีวา
- ใบแดง: ดิโอโก ดาโลต์ โดนใบเหลืองที่สอง ทำให้แมนยูฯ เหลือผู้เล่น 10 คน
- อาร์เซนอลตีเสมอ: จากลูกฟรีคิก กาเบรียล มากาลเญส ตีเสมอให้ อาร์เซนอล เป็น 1-1
- จุดโทษปัญหา: อาร์เซนอล ได้จุดโทษจากจังหวะที่ แฮร์รี แม็กไกวร์ เข้าปะทะกับ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับแมนยูฯ จนเกิดการชุลมุน ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้ทั้ง แม็กไกวร์ ฮาเวิร์ตซ์ และกาเบรียล
- บายินดีร์เซฟจุดโทษ: มาร์ติน โอเดการ์ด รับหน้าที่สังหารจุดโทษ แต่ถูก บายินดีร์ เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
- ต่อเวลาพิเศษ: ทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
- ดวลจุดโทษ: บายินดีร์ เซฟจุดโทษของ ฮาเวิร์ตซ์ ได้อีกครั้ง ขณะที่ผู้เล่นแมนยูฯ ยิงเข้าทั้งหมด ทำให้ แมนยูฯ ชนะการดวลจุดโทษ 5-3 ผ่านเข้ารอบ 4 ไปพบกับ เลสเตอร์ ซิตี้
บายินดีร์ มือประตู ฮีโร่ผู้ไม่สมบูรณ์แบบของแมนยู
แม้ บายินดีร์ จะมีส่วนผิดพลาดในจังหวะเสียประตูตีเสมอ แต่เขาก็แก้ตัวได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเซฟจุดโทษสำคัญถึงสองครั้ง ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ของแมนยูฯ ในเกมนี้ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ตัวเองหลังจากที่เขาเคยถูกวิจารณ์อย่างหนักจากเกมที่แพ้ สเปอร์ส ในคาราบาวคัพ
อาร์เซนอล กับปัญหาเดิมๆในการจบสกอร์
อาร์เซนอล ยังคงประสบปัญหาในการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตู แม้จะครองเกมและสร้างโอกาสได้มากมาย แต่พวกเขากลับยิงเข้ากรอบได้น้อย และความผิดพลาดของ ฮาเวิร์ตซ์ ในการดวลจุดโทษก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาตกรอบ
สิ่งที่น่าสนใจจากการพบกับของแมนยูกับอาเซนอลในเอฟเอคัพ
- เกมนี้มีความคล้ายคลึงกับเกมเอฟเอ คัพ ปี 1999 ระหว่างสองทีม ที่มีการเซฟจุดโทษและผู้เล่นโดนไล่ออก
- เกมนี้มีการฟาวล์รวมกันถึง 35 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความดุเดือดของการแข่งขัน
- ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เพิ่มแรงกดดันให้อาร์เซนอลในการเสริมทัพช่วงเดือนมกราคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากอาการบาดเจ็บของ กาเบรียล เฆซุส
สรุปโดยรวม
เป็นเกมที่เต็มไปด้วยความดราม่าและพลิกผัน บายินดีร์ กลายเป็นฮีโร่ของแมนยูฯ ขณะที่ อาร์เซนอล ยังคงต้องหาทางแก้ไขปัญหาในการจบสกอร์และการรับมือกับความกดดันในเกมสำคัญ